Access Modifiers

ภาวัต แก้วแกมคง 650710091

C#

Access Modifier เป็นส่วนหนึ่งของการทำ Encapsulation เหล่า class, data type หรือ method จะมีระดับการเข้าถึงต่างๆเพื่อควบคุมการเข้าถึง บาง Access Modifier มีไว้สำหรับเพื่อป้องกันไม่ให้ข้อมูลที่สำคัญเข้าถึงได้ หรือมีไว้ให้ สงวนสิทธ์แค่ภายในไฟล์เดียวกันเท่านั้น ในภาษา C# จะมี Access Modifiers อยู่หลักๆ 4 ตัวนั้นคือ public, private, protected และ internal

public : ทุกส่วนสามารถเข้าถึงได้

private : ภายในคลาสเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงได้ คลาสอื่นหรือนอกคลาสจะไม่สามารถเข้าได้แม้กระทั่งคลาสลูก

protected : สามารถเข้าได้ทั้งภายในคลาสและคลาสลูก

internal : สามารถเข้าถึงได้จากการที่อยู่ Assembly เดียวกันเท่านั้น(โค้ดทั้งหมดที่อยู่ในไฟล์ที่ถูกคอมไพล์เดียวกัน)

protected internal : สามารถเข้าถึงเมื่ออยู่ Assembly เดียวกัน และ คลาสลูกที่อยู่ทั้งในและ Assembly อื่น

private protected : เข้าถึงได้เฉพาะภายในคลาส และคลาสลูกที่อยู่ Assembly เดียวกัน

file : (ถูกเพิ่มมาหลังจาก C# 11) สามารถเข้าถึงได้เฉพาะภายในไฟล์ซอร์สโค้ดที่ประกาศเท่านั้น จะเป็นคนกรณีกับ Assembly เดียวกัน แบบ internal

การเข้าถึง
public
protected internal
internal
private protected
private
file

ภายในไฟล์

✔

✔

✔

✔

✔

✔

ภายใน class

✔

✔

✔

✔

✔

✖

คลาสลูก (อยู่ assembly เดียวกัน)

✔

✔

✔

✔

✖

✖

ไม่ใช่คลาสลูก (อยู่ assembly เดียวกัน)

✔

✔

✖

✔

✖

✖

คลาสลูก (ไม่ได้อยู่ assembly เดียวกัน)

✔

✔

✔

✖

✖

✖

ไม่ใช่คลาสลูก (ไม่ได้อยู่ aseembly เดียวกัน)

✔

✖

✖

✖

✖

✖

ตัวอย่าง

//ตัวอย่างของแต่ละ Acess Modifiers ของภาษา C#
/*ให้ class Person มี attribute ในแต่ละตัวที่มี Access Modifiers ต่างกันและมี 
และมี class child ที่สืบทอดมาจาก Person*/

class Person{

  public String name = "John Jenkins"; //บุคคลภายนอกสามารถรับรู้หรือเข้าถึงชื่อของเราได้
  
  private int Salary = 100000; //จำนวนเงินเป็นข้อมูลส่วนตัว ไม่ควรมีใครเข้าถึงได้นอกจากเจ้าของ
  
  internal String phone_Number = "088-888-0088";
  //เบอร์โทรติดต่อสามารถให้คนรู้จักหรือคนภายในบ้านรับรู้เบอร์ได้
  
  protected String Address ="Nakhon Pathom" //ที่อยู่เป็นข้อมูลที่ควรสงวนสิทธิ์ไว้สำหรับคนที่บ้าน
  
  private protected String national_ID = "1-2345-678910-11-1";
  //เลขบัตรประชาชนถือว่าเป็นข้อมูลที่ส่วนตัวพอสมควรแต่เรายอมรับได้หากคนภายในบ้านรับรู้ถึงรหัสบัตรประชาชนของเรา
  
  protected internal String passport_Number = "A123456";
  /* เลขพาสสปอร์ตอาจจะไม่ใช่ข้อมูลที่มีความลับสุดยอดและเราก็อาจจะไม่ได้อยากให้คนภายนอกรับรู้แต่เรายังยอมรับได้
หากเป็นคนในครอบครัวหรือญาติ(class ลูกนอก assembly) รับรู้ถึงเลขพาสสปอร์ตของเรา */

  file String SecretCode = "SECRETInwZa007";
}
class child : Person{
  void call(){
    Console.WriteLine("call to "+ base.phone_number);
  }
  void myAddress(){
    Console.WriteLine("my address is "+ base.Address);
  }
}

class main{
  static void Main(string[] args){
    Person P = new Person();
    child C = new child();
    C.call(); // คลาสลูกสามารถเข้าถึงเบอร์โทรของผู้ปกครองได้เพราะเป็นข้อมูลที่คนสนิทหรือคนรู้จักรับรู้ได้
    
    C.myAddress(); //คลาสลูกสามารถเข้าถึงที่อยู่ของผู้ปกครองได้เพราะเป็นคนในบ้านเดียวกัน
    
    // แต่คลาสลูกจะไม่สามารถเข้าถึงส่วนของ Salary ผู้ปกครองได้เนื่องจากเป็นข้อมูลส่วนตัวของผู้ปกครอง
    
    /* ทั้งนี้หากเป็น Address และ passsport_Number แม้ไม่ได้เป็นคนภายในบ้านเราตรงๆ(เป็นญาติ)
ก็มีสิทธิ์สามารถเข้าถึงข้อมูลดังกล่าวได้เนื่องจากเป็น Access Modifiers ที่อนุญาตให้ class ลูก
นอก assembly เข้าถึงได้ */
  }
}

ข้อสำคัญ

นอกจากความสามารถในแต่ละ Access Modifiers แล้ว ยังมีเรื่องที่ควรรู้ กฏหรือข้อจำกัดบางอย่างสำหรับการใช้ Access Modifiers

  • class และ struct สามารถกำหนดระดับการเข้าถึงจากทั้ง 6 ประเภทที่กล่าวมาได้ แต่ สมาชิกภายใน struct จะไม่สามารถกำหนดเป็น Access Modifiers ของจำพวก protected ได้ เนื่องจาก struct ไม่ support การสืบทอด

  • class ลูกที่ได้รับการสืบทอดมาจะไม่สามารถมีระดับการเข้าถึงที่กว้างกว่า class แม่ได้การที่ class ลูกมีระดับการเข้าถึงเป็น public ในขณะที่ class แม่เป็น internal จะส่งผลกระทบทำให้ class แม่ เป็น public

  • ปกติแล้วระดับการเข้าถึงของสมาชิกภายใน class หรือ struct จะไม่มีความสามารถมากกว่าตัว class หรือ struct ที่เป็นเจ้าของมันได้

    หมายความว่าถ้า class หรือ struct ตัวนั้นมีการกำหนด Access Modifiers แล้วตัวสมาชิกภายในจะไม่สามารถกำหนดระดับการเข้าถึงที่กว้างกว่าตัวเจ้าของมันไม่ได้

  • ทุกชนิดของสมาชิกข้อมูลจำเป็นต้องมีระดับการเข้าถึงอย่างน้อยตัวสมาชิกมันเอง

    รวมถึงชนิดข้อมูลที่ถูกใช้เป็น return type หรือ parameter ใน method ที่ต้องไม่น้อยกว่าระดับการเข้าถึงของ method หรือสมาชิกนั้น

    ที่ต้องทำแบบนี้ก็เพื่อป้องกันการเข้าถึงข้อมูลที่ถูกซ่อนหรือปิดกั้นจากระดับการเข้าถึงข้อมูลที่กว้างกว่า

    เช่น ไม่สามารถมีสมาชิก method ที่ระดับการเข้าถึงเป็น internal ได้ในขณะที่ class ต้นถูกกำหนดไว้เป็น public

  • ถ้าหากเราไม่ได้ประกาศการระดับการเข้าถึงไว้ จะถูกมองระดับการเข้าถึงไว้เป็น default (internal)

  • interfaces ที่ถูกประกาศใน namespace จะสามารถกำหนด Access Modifiers ได้เป็น public และ internal

    โดยหากไม่ได้มีการกำหนดการเข้าถึงจะถูกตั้งเป็น internal เหมือนกับ class และ struct

    สมาชิกภายใน interfaces จะเป็น public โดยเริ่มต้นหากไม่ได้กำหนดไว้

เปรียบเทียบ Access Modifiers ใน C, Java, Python

C :

C ไม่มีการใช้ Access modifier โดยเนื่องจากไม่ใช่ภาษาที่รองรับการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP)

C++ :

ในภาษา C++ Access Modifiers มีอีกชื่อเรียกคือ Access Specifiers และมี Access Modifiers อยู่ 3 ตัวได้แก่ public, private และ protected

การเข้าถึง
public
protected
private

ภายในคลาส

✔

✔

✔

คลาสลูก

✔

✔

✖

นอกคลาส

✔

✖

✖

Java :

ในภาษา Java เป็นภาษาที่รองรับการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (OOP) และมี Access Modifers อยู่ 4 ตัวได้แก่ public, private, protected และ default ซึ่ง default ใน Java จะมีความหมายไม่เหมือนกับของ C# ที่มองว่าเป็น internal และต้องอยู่ assembly เดียวกันถึงจะนับแต่ใน Java default จะเข้าถึงได้ต้องอยู่ใน Package เดียวกันเท่านั้น (Package ใช้สำหรับจัดกลุ่ม class ที่เกี่ยวข้อง เราสามารถจัดกลุ่ม package ต่างไฟล์ด้วยกันได้)

การเข้าถึง
public
private
protected
default

ภายในคลาส

✔

✔

✔

✔

Package เดียวกันและ class ลูก

✔

✖

✔

✔

Package เดียวกันแต่ไม่ใช่ class ลูก

✔

✖

✔

✔

คนละ Package แต่เป็น class ลูก

✔

✖

✔

✖

คนละ Package และไม่ใช่ class ลูก

✔

✖

✖

✖

Python :

เนื่องจากในภาษา Python เป็นภาษาสคริปต์จึงไม่มีคีย์เวิร์ด public, private และ protected แบบใน C# หรือ Java แต่จะใช้สัญลักษณ์ "_" , "__" แทนความหมาย protected และ private ตามลำดับหากไม่ได้มีสัญลักษณ์ 2 อย่าง ดังกล่าวจะมีความหมายได้เป็น public ซึ่งสรุปแล้วภาษา Python สามารถ implement ระดับการเข้าถึงได้ด้วยกัน 3 ตัวได้แก่ public, private และ protected

การเข้าถึง
public
protected _
private __

ภายในคลาส

✔

✔

✔

คลาสลูก

✔

✔

✖

นอกคลาส

✔

✖

✖

คลิปนำเสนอ

Presentation

1MB
Access Modifiers 650710091.pdf
pdf

Reference

C#

-Access Modifiers C#

Microsoft. (ไม่มีวันที่). Access modifiers (C# programming guide). Microsoft Learn. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จากhttps://learn.microsoft.com/en-us/dotnet/csharp/programming-guide/classes-and-structs/access-modifiers

default C#

GeeksforGeeks. (ไม่มีวันที่). Access modifiers C#. GeeksforGeeks. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จาก https://www.geeksforgeeks.org/access-modifiers-in-c-sharp/

C++

Access Modifiers C++

GeeksforGeeks. (ไม่มีวันที่). Access modifiers C. GeeksforGeeks. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จาก https://www.geeksforgeeks.org/access-modifiers-in-c/

Java

Java packages

W3Schools. (ไม่มีวันที่). packages Java. W3Schools. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จาก https://www.w3schools.com/java/java_packages.asp Access Modifiers Java

GeeksforGeeks. (ไม่มีวันที่). Access modifiers Java. GeeksforGeeks. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จาก https://www.geeksforgeeks.org/access-modifiers-java/

Python

Access Modifiers Python

GeeksforGeeks. (ไม่มีวันที่). Access modifiers Python: Public, private, และ protected. GeeksforGeeks. สืบค้นเมื่อ 12 ตุลาคม 2024, จาก https://www.geeksforgeeks.org/access-modifiers-in-python-public-private-and-protected/

PreviousScope of VariablesNextConstants or Literals

Last updated